อุณหภูมิมีส่วนทำให้การปั๊มขึ้นรูปโลหะง่ายขึ้นจริงหรือไม่

1065 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ปั๊มขึ้นรูปโลหะ คืออะไร ?

อุณหภูมิมีส่วนทำให้การปั๊มขึ้นรูปโลหะง่ายขึ้นจริงหรือไม่

ปั้มขึ้นรูปโลหะมีหลากหลายแบบที่เหมาะกับงานคุณ


     การปั๊มขึ้นรูปโลหะ คืออะไร ? ท่านทราบหรือไม่ว่าส่วนใหญ่นั้นทำจาก โลหะแผ่น หรือ sheet metal เป็นโลหะที่ถูกนิยามขึ้นตามลักษณะของพื้นที่ผิวต่อความหนา หากความหนามีมากกว่า 6 มิลลิเมตร จะถูกเรียกว่าเพลท ซึ่งโลหะแผ่นนั้นจะมีความแข็งแรงต่อน้ำหนักสูง ชิ้นส่วนที่ผลิตขึ้นจากโลหะแผ่นจึงมีน้ำหนักที่เบา แต่มีความแข็งแรงอย่างมาก สำหรับขั้นตอนการขึ้นโลหะแผ่นนั้นจะมีความเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนรูปโลหะ (Deformation)

     โดยไม่ว่าจะเป็นการพับ หรือ การดัด (Bending) การปั๊ม (Stamping) การยืด (Stretching) หรือการขึ้นรูปแบบเย็น (Cold-working) นั้น ซึ่งจะใช้แผ่นแม่พิมพ์เป็นตัวช่วย และการใช้เครื่องกด (Press) แม่พิมพ์ที่ถูกนำมาใช้ จะเป็นตัวกำหนดการขึ้นรูปร่างของชิ้นงานว่าจะมีขนาดเท่าไหร่ภายหลังเสร็จสิ้น โดยจะประกอบด้วยตัวพั้นซ์ (Punch) หรือ บางท่านอาจจะเรียกว่า แม่พิมพ์ แล้วอุณหภูมิมีส่วนจริงไหมในการผลิต

 

โดยเราได้แบ่งกรรมวิธีการขึ้นรูปโลหะแบ่งออกได้เป็น 2 วิธีการใหญ่ คือ (1) การขึ้นรูปแบบร้อน (Hot Working) (2) การขึ้นรูปแบบเย็น ( Cold Working)

    1. การขึ้นรูปแบบร้อน (Hot Working) หมายถึง ขบวนการที่ทำให้โลหะ หรือ วัสดุได้รับแรงในทางกล (Mechanical Working) ที่อุณหภูมิสูงกว่าอุณหภูมิในการเกิดผลึกใหม่ (Recrystallization) แต่จะต่ำหรือน้อยกว่าอุณหภูมิในการทำให้เกิดการหลอม (Melting Point) ของโลหะหรือวัสดุนั้น ๆ ดังตัวอย่างเช่น การตีเหล็ก (Forging) การรีดแบบร้อน (Hot Rolling) เป็นต้น ขบวนการขึ้นรูปแบบร้อน ประกอบไปด้วย

      1. การตีขึ้นรูป (Forging) เป็นกระบวนการแปรรูปโลหะให้กลายเป็นชิ้นงานโดยการใช้แรงทุบ ซึ่งสามารถทำได้ทั้งแบบ การตีด้วยค้อน, การตีกระแทก การตีขึ้นรูปด้วยวิธีการนี้จะใช้แบบดายที่มีลักษณะเป็นแบบดายปิด

      2. การรีดร้อน (Hot Rolling) เป็นการรีดที่อุณหภูมิสูง โดยอุณหภูมิขณะที่เหล็กผ่านแท่นการรีดสุดท้าย (Finishing temperature, FT) โดยทั่วไปจะสูงกว่า 870 °C ทำให้เกิดการจัดเรียงผลึกใหม่ แล้วจึงนำไปผ่านลูกรีดเพื่อลดขนาดพื้นที่หน้าตัดลง การรีดก่อนที่จะได้ชิ้นงานสำเร็จต้องมีการทำให้ได้ขนาดชิ้นงานที่เหมาะสม กับการนำไปขึ้นรูปผลิตภัณฑ์

      3. การดึงและกดขึ้นรูป (Drawing & Cupping) กระบวนการดึงและอัดรีดขึ้นรูป คือ การขึ้นรูปโลหะ เพื่อให้ได้ลักษณะตามที่ต้องการ หรือเพื่อการลดความ หนาของชิ้นงาน

      4. การเชื่อมต่อท่อ (Pipe Welding) ผลิตโดยการนำแผ่นเหล็กมาม้วน – เชื่อม ซึ่งวิธีการ ม้วนทำได้ทั้งม้วนตามแนวยาว หรือม้วนแบบ Spiral - ERW เป็นวิธีการเชื่อมโดยอาศัยแรงอัด (pressing)

      5. การแทงขึ้นรูป (Piercing) เป็นกรรมวิธีการผลิตท่อที่มีคุณภาพสูง ทนต่อแรงอัดได้สูงมาก แต่ผลิตยุ่งยากกว่าแบบมีตะเข็บ และมีความหนากว่า การผลิตท่อโดยใช้เพลาแกนดันระหว่างกลางชิ้นงานและให้วิ่งในทิศทางเดียวแท่งแกนจะเป็นตัวนำศูนย์ก่อน ใช้แรงอัดและความร้อนของเหล็กเป็นตัวควบคุมขนาดของรูท่อ

      6. การเคลื่อนไหลขึ้นรูป (Extruding) เป็นกรรมวิธีที่ใช้มากในปัจจุบัน ใช้กับโลหะที่มีความเหนียว (Ductility) สูง โดยวิธีอัดโลหะภายในแบบ (Container) ด้วยความดันสูง และให้โลหะเคลื่อนที่ (Flow) ออกไปทางช่องว่างระหว่าง Die ซึ่งจะเป็นรูปร่างตามที่ออกแบบไว้ วิธีการอัดขึ้นรูปมีสองลักษณะคือ Direct Extrusion และ Indirect Extrusion

      7. การหมุนขึ้นรูป (Spinning) การขึ้นรูปโลหะแผ่นด้วยกระบวนการหมุน (Spinning Process) เป็นกระบวนการขึ้นรูปที่ นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายและมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบันกระบวนการหมุนขึ้นรูปถูกใช้ ในการผลิต ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องมือ เครื่องใช้ต่างๆ ในชีวิตประจําวัน

    2. การขึ้นรูปแบบเย็น (Cold Working) หมายถึง ขบวนการรีดขึ้นรูปเพื่อให้วัสดุหรือโลหะเกิดการเปลี่ยน แปลง รูปร่างชนิดถาวรในที่ ๆ อุณหภูมิต่ำ ๆ ทั้งนี้โดยไม่ทำให้เกิดผลึกใหม่ขึ้น ขบวนการขึ้นรูปแบบเย็น จะประกอบไปด้วย
      1. การดัดงอ (Bending) การทดสอบการดัดโค้ง เป็นการทดสอบเพื่อดูพฤติกรรมการแปรรูปของวัสดุหลังจากทำการดัดโค้ง โดยพิจารณาดูว่าที่ผิวด้านนอกของชิ้นทดสอบตรงบริเวณที่ทำการดัดโค้งเกิดรอยแตกขึ้นหรือไม่ หลังจากทำการดัดโค้งชิ้นทดสอบด้วยรัศมีความโค้งที่กำหนด จนได้มุมตามที่กำหนดไว้ในมาตรฐานการทดสอบ

      2. การรีดเย็น (Cold Rolling) การรีดในลักษณะเช่นเดียวกับ Hot Rolling แต่จะทำในขั้นสุดท้ายเท่านั้น (เฉพาะใน Flat Products) เพื่อให้ได้โลหะมีขนาดแน่นอนและผิวเรียบ เช่นการรีดเหล็ก ทองเหลืองและอะลูมิเนียม ที่มีขายอยู่ในท้องตลาดทั่ว ๆ ไป จะสังเกตได้จากโลหะพวกนี้จะมีผิวเรียบเป็นมัน
      3. การอัดรีด (Extruding) การอัดรีดขึ้นรูป (Extrusion) การอัดรีดขึ้นรูปหมายถึงการอัดโลหะแข็งผ่าน แม่พิมพ์ (Die) ทําให้ได้ชิ้นงานที่มีลักษณะยาว และมีพื้นที่หน้าตัดสมํ่าเสมอรูปทรงตามต้องการ

 

แล้วงานปั๊มขึ้นรูปมีประโยชน์อย่างไร ในทุกกระบวนการที่กล่าวมาข้างต้น การปั๊มจะเป็นกระบวนการที่ดีที่สุดจากทั้งหมด มีข้อได้เปรียบที่เหนือกว่า ไม่ว่าจะเป็นการหล่อ การทุบขึ้นรูป และการกัดแต่ง ซึ่งแบ่งข้อได้เปรียบออกเป็น ดังนี้

  • ช่วยให้การขึ้นรูปชิ้นงานที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้นกว่าวิธีอื่น ๆ
  • หลังปั๊มแล้วไม่จำเป็นต้องทำการตกแต่งชิ้นงานแต่อย่างใด
  • ชิ้นงานที่ผ่านการปั๊มจะเท่ากันทุกชิ้น สังเกตได้จากการนำเอาชิ้นงานมาประกอบ
  • มีความแข็งแรงเพิ่มมากขึ้น รวมถึงคุณสมบัติทางกลอื่น ๆ
  • ตัวชิ้นงานมีน้ำหนักเบามาก
  • อัตราการสามารถทำได้ในปริมาณสูง

 

     หากท่านมีคำถาม หรือ ต้องการปรึกษา บริษัท สยาม เมทัล เวอร์ค แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด เป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนโลหะ ชิ้นส่วนยานยนต์ ปั๊มขึ้นรูป ปั๊มขึ้นรูปโลหะ ด้วยเครื่อง CNC สำหรับงานโลหะที่ต้องการค่าความละเอียด และแม่นยำสูง มีความรวดเร็วในการผลิตทำให้สามารถตอบสนองลูกค้าได้เป็นอย่างดี ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ (Automotive parts) OEM Parts รถจักรยานยนต์ และชิ้นส่วนไฟฟ้า

 

ดูรายละเอียดสินค้าและบริการ รวมถึงเครื่องจักรของเรา ได้ที่นี่
ติดต่อ บริษัท สยาม เมทัล เวอร์ค แมนูแฟคเจอริ่ง
โทร : 02-1166303
อีเมล : info@siammetalwork.com
Facebook : Siam Metal Work Manufacturing Co.,Ltd.
Line : @siammetalwork

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้